ประวัติคอมพิวเตอร์

ประวัติคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่เราใช้ในปัจจุบันเป็นผลมาจากการประดิษฐ์เครื่องมือคำนวณที่วิวัฒนาการมายาวนาน เริ่มต้นจากเครื่องมือคำนวณชิ้นแรก “ลูกคิด” ที่สร้างขึ้นในประเทศจีนเมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีก่อน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1833 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ Charles Babbage ได้คิดค้นเครื่องมือวิเคราะห์ที่สามารถคำนวณค่าตรีโกณมิติได้ ฟังก์ชันต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ การทำงานของเครื่องนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ การจัดเก็บข้อมูล การคำนวณ และการควบคุม ใช้ระบบส่งกำลังของเครื่องจักรไอน้ำหมุนฟันเฟือง มีข้อมูลบนบัตรเจาะ คำนวณโดยอัตโนมัติและจัดเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำ ก่อนที่จะพิมพ์ลงบนกระดาษ ถือเป็นหลักการของ Babbage ที่นำไปสู่การพัฒนาคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ ดังนั้นเราจึงยกย่อง Babbage ว่าเป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกมีชื่อว่า ENIAC ซึ่งเป็นตัวย่อของ Electronic Numerical Integrator and Computer ได้รับการออกแบบและพัฒนาในปี 1946 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองโดยชาวอเมริกันชื่อดร. จอห์น William Mauchly และ John Prespern Eckert ซึ่งใช้เครื่อง ABC (Atanasoff-Berry Computer) พัฒนาต่อไป การพัฒนา ENIAC ได้รับเงินทุนสนับสนุน การสนับสนุนจากกองทัพสหรัฐ ส่วนใหญ่ใช้ในการคำนวณวิถีกระสุนปืนใหญ่

คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ประวัติคอมพิวเตอร์

ประวัติคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เป็นผลมาจากคิดค้นและพัฒนาเครื่องมือคำนวณนานมาแล้วมันเริ่มต้นด้วยเครื่องมือคำนวณชิ้นแรก“ลูกคิด” สร้างขึ้นในประเทศจีนประมาณประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์เมื่อ 2,000-3,000 ปีก่อนจนกระทั่งปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ: Charles Babbage (ชาร์ลส์ แบบเบจ) ผู้คิดค้นเครื่องวิเคราะห์(Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าตรีโกณมิติได้ ฟังก์ชั่นต่างๆทางคณิตศาสตร์ การทำงานของเครื่องนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนจัดเก็บข้อมูล ส่วนการคำนวณ และส่วนควบคุม ใช้ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ ไอน้ำเปลี่ยนเกียร์ มีข้อมูลบนบัตรเจาะ สามารถคำนวณได้อัตโนมัติ
และเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำก่อนพิมพ์ลงบนกระดาษ

มันเป็นหลักการของ Babbage ที่ใช้ในการพัฒนาคอมพิวเตอร์ ในยุคปัจจุบัน เรายกย่อง Babbage ว่าเป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก หลากหลายขนาดทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง คอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็น 5 ยุค

  • รุ่นแรก (คอมพิวเตอร์รุ่นแรก) พ.ศ. 2489-2501
  • คอมพิวเตอร์รุ่นที่ 2 พ.ศ. 2502-2506
  • รุ่นที่สาม (คอมพิวเตอร์รุ่นที่สาม) พ.ศ. 2507-2512
  • รุ่นที่สี่ (คอมพิวเตอร์รุ่นที่สี่) พ.ศ. 2513-2532
  • คอมพิวเตอร์รุ่นที่ 5 (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่เริ่มต้นจากสองเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ได้แก่ การคำนวณอัตโนมัติ ด้วยการคำนวณแบบตั้งโปรแกรมได้ (หมายถึง การสร้างวิธีการทำงานและการปรับแต่ง) แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเทคโนโลยีใดเกิดก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการคำนวณแต่ละประเภทไม่สอดคล้องกัน อุปกรณ์บางประเภทก็มีความสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์คำนวณทางกลที่ประสบความสำเร็จบางเครื่องยังคงมีการใช้งานมานานหลายศตวรรษก่อนการถือกำเนิดของเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างเช่น ลูกคิดสุเมเรียนได้รับการออกแบบเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล

ชนะการแข่งขันคำนวณความเร็วเครื่องคิดเลขเดสก์ท็อปในปี พ.ศ. 2489 ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาในทศวรรษที่ 1620 กฎการเลื่อนได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น ซึ่งบรรทุกขึ้นยานอวกาศในภารกิจอะพอลโล 5 ภารกิจ รวมถึงเมื่อสำรวจดวงจันทร์ด้วย นอกจากนี้ยังมีแอสโทรลาบและกลไกเถระโบราณอีกด้วย ซึ่งเป็นเครื่องคิดเลข (คอมพิวเตอร์) เกี่ยวกับดาราศาสตร์โบราณที่สร้างขึ้นโดยชาวกรีกประมาณ 80 ปีก่อนคริสตกาล ต้นกำเนิดของระบบคำสั่งโปรแกรมเกิดขึ้นเมื่อวีรบุรุษแห่งอเล็กซานเดรีย (ประมาณคริสตศักราช 10-70) นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกได้สร้างโรงละครแห่งเครื่องจักรขึ้นมา ใช้สำหรับแสดงละครความยาว 10 นาทีและดำเนินการโดยใช้กลไกที่ซับซ้อนของเชือกและบล็อกอิฐทรงกระบอก พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้ชิ้นส่วนกลไกใดในฉากใดและเมื่อใด

องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่

1. Robotics หรือ Robotarm System คือ หุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่ถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อแทนที่มนุษย์ในงานที่ต้องใช้ความรวดเร็ว หรือความเสี่ยงที่เป็นอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์ไล่ระเบิด เป็นต้น

ระบบประมวลผลภาษาพูด 2. ระบบประมวลผลภาษาธรรมชาติ คือ การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ (สังเคราะห์) เพื่อสื่อสารความหมายกับมนุษย์ เช่น เครื่องคำนวณการพูดคุย หรือ นาฬิกาปลุกพูดได้ (Talking Clock) เป็นต้น

การรู้จำเสียงพูด
3. ระบบรู้จำเสียง คือ การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือการพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้ทำงานโดยใช้ภาษาพูด เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย การพิมพ์เอกสารสำหรับคนพิการ ฯลฯ

4. Expert System คือ การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลวิเคราะห์ปัญหา โดยใช้ความรู้ที่มีหรือจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหา ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูลซึ่งมีผู้มีความรู้เป็นผู้กำหนดความรู้ในฐานข้อมูลนั้น เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ที่ได้จากฐานความรู้นั้น เช่น คอมพิวเตอร์วิเคราะห์โรค หรือ คอมพิวเตอร์ทำนายดวงชะตา เป็นต้นประวัติคอมพิวเตอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง